เตรียมงดใช้ สะพานป่าชายเลน เซ่นพิษคลิปสยิวโจ๋งครึ่ม คู่รัก OnlyFans

เตรียมงดใช้ สะพานป่าชายเลน เซ่นพิษคลิปสยิวโจ๋งครึ่ม คู่รัก OnlyFans

เตรียมขึ้นป้าย ห้ามใช้ สะพานป่าชายเลน บ้านสลักคอก เกาะช้าง หลังเกิดกรณี คลิปสยิว OnlyFans คู่รักนักท่องเที่ยว ถูกดูดไปปล่อยว่อนโซเชียล ข่าว นักท่องเที่ยวระเริงเพลงรักกันกลาง สะพานป่าชายเลน บ้านสลักคอก เกาะช้าง ความคืบหน้า ล่าสุด วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นายราชันย์ ภู่ทนิน ผู้จัดการชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ ได้พาผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบ บริเวณ สะพานป่าชายเลน ที่ปรากฏเป็นข่าวดังในคลิปโดยภายหลังการตรวจสอบ สะพานดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 900 เมตร ปัจจุบันมีสภาพชำรุดทรุดโทรม เป็นสถานที่เปลี่ยว ปลอดสายตาผู้คน

ขณะที่จุดเกิดเหตุที่มีการตั้งกล้องถ่ายคลิปสยิวของหนุ่มสาวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย 

เมื่อชาวบ้านในพื้นที่ได้พิจารณาจากสภาพแวดล้อม คาดว่าอยู่ตรงช่วงต้นสะพาน เมื่อเดินจากปากทางเข้าสะพานไปประมาณ 200 เมตร ด้าน นางจรรยา กิตติวิริยะวงษ์ รองนายกเทศมนตรี ต.เกาะช้างใต้ กล่าวว่า สะพานที่ถูกเผยแพร่ตามภาพดังกล่าว เป็นสะพานสาธารณะ อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนตราด ปัจจุบันได้เกิดการชำรุดทรุดโทรม อยู่ระหว่างปิดปรับปรุง

โดยหลังจากนี้จะมีการทำป้ายติดประกาศห้ามเข้าไปใช้สะพานดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบัน พื้นทางเดินสะพานที่เป็นคอนกรีต ได้เกิดการทรุดตัว หลายจุด และหวั่นจะเกิดอันตรายได้กับผู้ที่ใช้สะพาน

โจรโอปป้า หลอกเป็น ลีมินโฮ หวนแชทแม่ลูกอ่อน เปลี่ยนช่องทางมาหลอกซ้ำ ตำรวจรอผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่ม สามีน้อยใจภรรยา แต่คอยดูแลใกล้ชิด วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผย ถึงกรณีหญิงแม่ลูกอ่อนซึ่งก่อนหน้านี้ตกเป็นข่าวพยายามฆ่าตัวตายหลังถูกมิจฉาชีพซึ่งแอบอ้าง สวมรอยใช้รูปโปรไฟล์ดาราศิลปินเกาหลีชื่อดัง ลีมินโฮ หลอกลวงจนสูญเงินกว่า 70,000 บาท และได้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกกฎหมายไปแล้ว

ล่าสุด ผกก.สภ.พรหมบุรี ระบุ มิจฉาชีพในคราบของโจรโอปป้าได้พยายามกลับมาหลอกลวงเหยื่อรายเดิมซึ่งก็คือ หญิงแม่ลูกอ่อน เจ้าอขงร้านอาหารอีกครั้ง แต่รอบนี้มีการเปลี่ยนช่องทางในการติดต่อกับผู้เสียหาย ซึ่งตรงนี้ต้องรอให้ฝั่งผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่สืบสวนอีกครั้ง

ขณะที่ อ้างอิงข้อมูลจาก ข่าว ช่อง 3 นายสีน้ำ (นามสมมติ) สามีของหญิงแม่ลูกอ่อน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ได้หยิบโทรศัพท์ของภรรยาและได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในแชทสนทนาจนพบว่า ภรรยาแอบกลับไปติดต่อกับโจรโอปป้าที่แอบเอารูปของ ลีมินโฮ นายแแบบและนักแสดงชื่อดังเกาหลีใต้มาใช้ แต่ครั้งนี้เปลี่ยนช่องทางจากติดต่อผ่านไลน์ มาเป็นช่องทางใหม่ คือ เฟซบุ๊ก คนร้ายมีการออกอุบายให้ภรรยาตนสมัครสมาชิกเพื่อพูดคุยกับลีมินโฮ โดยมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 650 บาท ไปจนถึง 3,000 บาท

นอกจากนี้คนร้ายยังอ้างอีกว่า ได้ถูกรัฐบาลเกาหลีใต้ ระงับบัญชีธนาคาร และให้ชดใช้ค่าเสียหาย 500,000 ดอลลาร์ (ราว 17,500,000 บาท) จึงมาขอเงินสนับสนุนจากภรรยาตน 10,000 ดอลลาร์ เป็นเงินสกุลไทย (ราว 350,000 บาท) แต่โชคดีที่ภรรยาได้ตอบปฏิเสธไป

ไฮโซทะเล ได้ประกันตัว ศาลสั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามออกนอกประเทศ

ศาลอาญาอนุญาตให้ประกัน ไฮโซทะเล ไฮโซเพชร กับพวกรวม 3 คน คดีปล้นทรัพย์นักธุรกิจชาวสิงค์โปร์ หลักประกัน คนละ 1 ล้าน สั่งติดกำไลอีเอ็ม และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ วันที่ 12 ก.ค. 2565 ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องที่ นายธฤต ณ พัทลุง หรือ”ไฮโซทะเล” นายเพชร บุญวงษ์ หรือ “ไฮโซเพชร” และ นายทบทอง หรือ ทอม บุญหลง ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์นักธุรกิจสิงคโปร์ ได้ยื่นคำขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาภายหลังถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง จับกุมดำเนินคดี

โดยในส่วนของนายเพชร และนายธกฤต ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารร้องขอหมายจับและทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองมีเหตุจะหลบหนี ก่อเหตุร้ายหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 หรือไม่

ทั้งนี้ สามีของหญิงแม่ลูกอ่อน ได้ทำการเปลี่ยนรหัสบัญชีธนาคารไว้หมดแล้ว หลังจับได้ว่าคนร้ายกลับมาพยายามหลอกลวงเงินจากภรรยาตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังทราบภรรยาหวนคุยแชทโจรร้ายโอปป้าอีกครั้ง ฝั่งสามียอมรับว่า รู้สึกน้อยใจ แต่ก็เข้าใจภรรยา พยายามพูดคุย ดูแลอย่างใกล้ชิด เหตุที่ภรรยาของตนยังกลับไปคุย อาจจะเป็นเพราะสับสน เนื่องจากภรรยาของตนเคยเป็นโรคลมชัก ขณะเดียวกันอยากฝากถึงเจหาน้าทตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากมิจฉาชีพรายนี้ยังกลับมาก่อเหตุซ้ำ และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ถูกหลอกแบบเดียวกับภรรยาตนเช่นกัน

ทางเราไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายและไม่เคยไปค้ำประกันอะไรให้ใคร เลยไม่ได้โทรกลับค่ะ เพียงแต่โทรไปที่ สน. ใกล้บ้านกะว่าจะลงบันทึกประจำวันเพื่อความปลอดภัยเนื่องจากเค้ารู้ข้อมูลส่วนตัวเราเยอะ (แต่ทางร้อยเวรแจ้งว่า ไม่รับแจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์ ต้องเข้าไปที่ สน. เท่านั้น ) ตรงนี้อาจจะทำให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ ไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ ทำให้แก๊งมิจฉาชีพสามารถใช้วิธีนี้ข่มขู่เหยื่อรายอื่นๆ ไปได้เรื่อย ๆ ค่ะ ยังไงหากจ่าเห็นว่ามีประโยชน์กับคนอื่น ๆ เรารบกวนฝากเรื่องไว้กับจ่านะคะ เพราะทางตำรวจไม่สามารถช่วยอะไรค่ะ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป